ความสัมพันธ์ระหว่างภาษีเงินได้นิติบุคคลและโครงสร้างเงินทุนแบ่งตามขนาดบริษัท = TAXATION AND CAPITAL STRUCTURE BY FIRM SIZE.

Abstract

งานศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างภาษีเงินได้นิติบุคคลกับโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) เนื่องจากประเทศไทยมีการปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล โดยปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลจากอัตรา 30% เป็น 23% ในปีพ.ศ. 2555 และ 20% ในปีพ.ศ. 2556 ถึงปัจจุบัน โดยงานวิจัยให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับปัจจัยคือ อัตราภาษีเงินได้ที่แท้จริง (Effective Tax Rate) และยังศึกษาเพิ่มเติมในปัจจัย ผลประโยชน์ทางภาษีที่ไม่ได้เกิดจากการก่อหนี้ (Non-debt tax shield) คือค่าเสื่อมราคา และขาดทุนสะสม การศึกษาใช้เทคนิค Panel-data specific with firm fixed effects method (Unbalanced Panel Data) ผลการศึกษาของงานวิจัยพบว่าอัตราภาษีที่แท้จริงส่งผลกระทบต่อโครงสร้างเงินทุนอย่างมีนัยสำคัญ ภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ลดลงนั้นจะเพิ่มแรงจูงใจในการมีสัดส่วนของผู้ถือหุ้นที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการลดลงของผลประโยชน์ทางภาษีจากการมีหนี้ ทำให้บริษัทไม่มีความจำเป็นที่จะต้องก่อหนี้เพิ่มเติม และยังสนับสนุนแนวคิดตามทฤษฎีโครงสร้างเงินทุนที่เหมาะสม (Trade-off Theory) ผลการศึกษายังพบอีกว่าบริษัทที่มีขนาดเล็ก (ตามขนาดรายได้) จะมีการปรับตัวหลังการเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีที่เห็นได้ชัดมากกว่าบริษัทขนาดใหญ่ ทั้งนี้บริษัทขนาดเล็กจะมีความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่น้อยกว่า ทำให้มีภาวะความกดดันทางการเงินที่มากกว่าเมื่อเทียบกับบริษัทขนาดใหญ่ จึงส่งให้มีการปรับตัวที่เห็นได้ชัดมากกว่า