ปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจอยู่บ้านผู้สูงอายุคนไทย เจนอเรชั่น เบบี้ บูมเมอร์ ในกรุงเทพมหานคร

Abstract

ประเทศไทยเป็นอีกหนึ่งในประเทศจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ประเทศไทยมีจำนวนประชากรผู้สูงอายุซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่ใหญ่เป็นอันดับสามในเอเชีย จากปรากฏการณ์แนวโน้มการเกิดขึ้นของสังคมผู้สูงอายุ โดยเฉพาะกลุ่มคนเจนเนอเรชั่นเอ็กซ์ ที่มีอายุต้องเตรียมพร้อมและวางแผนการหาที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมกับสถานภาพของตนเองให้มากที่สุดหลังจากที่เข้าวัยเกษียณอายุหลัง 60 ปีไปแล้ว ในขณะเดียวกัน แนวโน้มการทำธุรกิจบ้านพักคนชราของภาคเอกชนก็กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สถานสงเคราะห์คนชราของภาครัฐมีจำกัดมากกว่า ดังนั้น ผู้เขียนจึงมีความสนใจที่จะศึกษาถึงปัจจัยที่ส่งผลให้คนเจนเนอเรชั่นเอ็กซ์ ตัดสินใจที่จะเข้ามาพำนักอาศัยอยู่ที่บ้านพักคนชรา เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและมีความสุขกายสบายใจตามอัตภาพที่ได้มาตรฐาน โดยงานวิจัยนี้เป็นการศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพเพื่อหาปัจจัยที่มีความสำคัญต่อปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจอยู่บ้านพักผู้สูงอายุของคนไทย เจนอเรชั่น เบบี้ บูมเมอร์ ในกรุงเทพมหานคร เก็บข้อมูลจากการสัมภาษณ์เชิงลึก โดยใช้สัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง จากประชากรอายุช่วงอายุโดยประมาณ 38 - 60 ปี ซึ่งแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 เป็นผู้สูงอายุที่พักอาศัยอยู่ในบ้านพักคนชรา กลุ่มที่ 3 เป็นเจ้าของธุรกิจ หุ้นส่วน นักลงทุน ผู้บริหาร ผู้จัดการ และกลุ่มที่ 3 เจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐบาลและเอกชน รวมทั้งสิ้น 30 คน จากการสัมภาษณ์เชิงลึก ผู้วิจัยพบหลายปัจจัยที่มีความสำคัญกับ การตัดสินใจอยู่บ้านพักผู้สูงอายุของคนไทย โดยสามารถจัดกลุ่มปัจจัยเป็นแก่นสาระได้ทั้งหมด 6 ปัจจัย ประกอบไปด้วย 1. สุขภาพของผู้พักอาศัยแบบโดยรวม 2. ปัจจัยทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน 3. คุณภาพการให้บริการ 4. ปัจจัยประกอบการตัดสินใจเลือกพักอาศัย 5. ปัจจัยทางด้านความพร้อมด้านการเงิน 6.ปัจจัยการพัฒนาธุรกิจบ้านพักคนชรา โดยแก่นสาระทั้ง 6 ปัจจัย เป็นผลของงานวิจัยในการตัดสินใจเลือกสถานที่พักอาศัย ตามพื้นฐานตามความเหมาะสมตามแต่กำลังทรัพย์ที่จ่ายได้ แต่หากผู้มีรายได้สูงจะสามารถเลือกสถานที่พักที่มีการดูแลอย่างดี เลือกทำเลที่ตั้งได้ มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากขึ้น มีการกำหนดมาตรฐานและการสร้างความไว้วางใจเป็นปัจจัยของธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ ให้ผู้ประกอบธุรกิจดูแลผู้สูงอายุสามารถปรับตัวรองรับกับทุกสถานการณ์ และมีมาตรฐานเพื่อความสามารถทางการแข่งขันในระดับสากล ซึ่งจะเป็นโอกาสให้ผู้ใช้บริการที่เป็นผู้สูงอายุจากต่างประเทศเข้ามาเลือกใช้บริการ ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถขยายโอกาสทางการตลาด และเชื่อมโยงโอกาสธุรกิจต่างๆ ระหว่างกันในธุรกิจผู้สูงอายุและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกันต่อไป