ผู้นำกับการบริหารจัดการทีมจากการทำงานแบบ Face-to-Face เป็นการทำงานแบบ Remote Working กรณีศึกษา ผู้นำในกลุ่มงานขายและการตลาดในบริษัทเอกชนขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร

Abstract

ผู้วิจัยได้ทำการศึกษาถึงการเปลี่ยนผ่านและความแตกต่างของการบริหารจัดการทีมของผู้นำรวมถึง อุปสรรคที่พบจากการเปลี่ยนรูปแบบการทำงานแบบ Face-to-Face ไปเป็นรูปแบบกการทำงานแบบ Remote Working ด้วยการวิจัยเชิงคุณภาพสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้นำในกลุ่มงานขายและการตลาดในบริษัทเอกชนขนาดใหญ่แห่งหนึ่งใน กรุงเทพมหานคร จำนวน 30 คน ผลกการศึกษาพบว่าผู้นำสามารถเปลี่ยนผ่านรูปแบบการทำงานได้จากความเชื่อมั่นไว้วางใจ ในความรับผิดชอบของสมาชิกทีม ความชัดเจนและความสม่ำเสมอในการสื่อสารของผู้นำระดับที่สูง และความพร้อมต่อ เทคโนโลยีในการติดต่อสื่อสารทางไกล นอกจากนี้ยังพบว่า ช่องทางการสื่อสารที่ผู้นำใช้ในการวางแผนงาน รับฟังปัญหา และการช่วยเหลือรวมถึงสอนและการพัฒนางานมีความแตกต่างไปจากเดิมด้วยการใช้ช่องทำงการสื่อสารทางไกลเข้า มาแทนที่ รวมถึงวิธีการในการวิธีการรักษาความสัมพันธ์และสร้างบรรยากาศในการทำงานของทีมที่ผู้นำใช้วิธีการพูดคุย เรื่องที่นอกเหนือจากงาน อีกทั้งยังมีความยืดหยุ่นกการทำงานและให้ความไว้วางใจต่อทีมเพิ่มมากขึ้น ในส่วนของอุปสรรค ที่สำคัญคือกการขาดการรับรู้ด้านอารมณ์ความรู้สึกจาการสื่อสำรที่ไม่สามารถเห็นถึงการแสดงออกทางอวัจนภาษา ได้ส่งผลต่อกการบริหารทีมในด้านของกการทำงานและกการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างทีม ดังนั้นการเปลี่ยนผ่านการ บริหารทีมแบบ Remote Working จะต้องใช้วิธีการจัดการความเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นขั้นตอนและผู้นำต้องบริหาร จัดการทีมในด้านของการทำงานและบริหารความสัมพันธ์กับสมาชิกอย่างต่อเนื่องตามแนวคิดผู้นำตามแนวคิด คติรวมหมู่ (Collective Leadership)