แผนธุรกิจให้บริการสุนัขแบบครบวงจร “HAPPY PAWS”

Abstract

ปัจจุบันจะเห็นได้ว่า พฤติกรรมของกลุ่มคนเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเปลี่ยนแปลงไป จากการเลี้ยงสัตว์เพื่อเอาไว้เฝ้าบ้านหรือเป็นเพื่อนคลายเหงา กลายมาเป็นเลี้ยงสัตว์เสมือนลูกหรือคนในครอบครัวมากขึ้น จนเกิดเป็นการเลี้ยงสัตว์แบบ Pet Parent หรือที่เราเรียกกันว่า เป็นทาสหมา ทาสแมวนั่นเอง ทำให้กลุ่มผู้บริโภคเหล่านี้ยอมทุ่มเงินในการจ่ายค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น เพื่อแลกกับการซื้อบริการที่พิเศษและมีคุณภาพมากขึ้นให้แก่สัตว์เลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นอาหาร สิ่งของเครื่องใช้ และบริการต่างๆ โดยสัตว์เลี้ยงยอดนิยมอันดับ 1 ยังคงเป็น “สุนัข” ซึ่งปัจจัยที่ทำให้พฤติกรรมของคนเลี้ยงสัตว์เปลี่ยนไป และทำให้ธุรกิจสัตว์เลี้ยงมีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากอัตราจำนวนครอบครัวเดี่ยวและคนโสดที่เพิ่มสูงขึ้น คนแต่งงานแล้วมีลูกน้อยลง อีกทั้งสังคมไทยที่กำลังเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่ใช้ชีวิตหลังเกษียณอยู่บ้าน จึงมองหาสัตว์เลี้ยงมาเป็นเพื่อนแก้เหงา นอกจากนี้จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลให้เกิดสภาพสังคมยุคใหม่ ที่มีวิถีการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนไป เกิดการ WFH มากขึ้น ทำให้มีเวลาใส่ใจดูแลบ้าน ดูแลสัตว์เลี้ยง หรือบางคนอยู่คนเดียวจนรู้สึกเหงาก็หาสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยงนั่นเอง ด้วยปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้พฤติกรรมการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป จึงส่งผลให้กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์และบริการสัตว์เลี้ยงมีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภาพรวมผลประกอบการธุรกิจสัตว์เลี้ยงตลอด 3 ปี (2561 - 2563) ที่ผ่านมา พบว่า มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นแตะหนึ่งหมื่นล้านบาทต่อปี (ผลประกอบการ ปี 2561 จำนวน 8,454.29 ล้านบาท ปี 2562 จำนวน 9,021.78 ล้านบาท และ ปี 2563 จำนวน 9,269.94 ล้านบาท) เรียกได้ว่าเติบโตเฉลี่ยเกือบ 10%-15% ต่อปี ส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากการเพิ่มขึ้นของการแข่งขันในอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยง และการทำการตลาดสินค้าราคาแพง(Premium) เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้า และเติมเต็มคุณค่าทางใจเมื่อเกิดการใช้จ่ายเพื่อสัตว์เลี้ยง จากเทรนการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงของสังคมที่เปลี่ยนไป และผลจากมูลค่าการตลาดธุรกิจสัตว์เลี้ยง รวมไปถึงการคาดการณ์การเติบโตธุรกิจสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยที่มีโอกาสเติบโตอีกมาก ด้วยคู่แข่งในตลาดที่ยังมีน้อย และแนวโน้มความต้องการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงของผู้บริโภคที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ผู้จัดทำเห็นถึงโอกาสทางการตลาดในธุรกิจสัตว์เลี้ยง และเกิดเป็นแนวคิดในการสร้างแผนธุรกิจสัตว์เลี้ยงแบบครบวงจรอย่าง “HAPPY PAWS” ที่เปรียบเสมือนคอมมูนิตี้ขนาดย่อมของกลุ่มคนรักสุนัข ภายในประกอบไปด้วยบริการหลัก ได้แก่ บริการอาบน้ำตัดแต่งขนสุนัข(PetGrooming) บริการร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยง(Pet Shop) บริการสนามหญ้าวิ่งเล่นขนาดกว้าง(Pet Park) และส่วนบริการอาหารและเครื่องดื่มสำหรับเจ้าของสัตว์เลี้ยง(Pet Café) ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 1 ไร่ย่านฝั่งธนฯ บริเวณพุทธมณฑลสาย 2 ที่โอบล้อมไปด้วยความร่มรื่นจากต้นไม้และสนามหญ้าสีเขียวขนาดใหญ่ กลุ่มเป้าหมายหลัก คือ กลุ่มผู้ที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะย่านฝั่งธน ที่มีใจรักสุนัขเสมือนลูก มีการใช้จ่ายเพื่อความสุขของสุนัขระดับสูง สำหรับการเลือกสินค้าจะเน้นสินค้าและการบริการที่มีมาตรฐานในระดับพรีเมี่ยมและหลากหลาย อีกทั้งยังชื่นชอบบรรยากาศและทิวทัศน์ธรรมชาติอีกด้วย โดยบริษัทได้ให้ความสำคัญของคุณภาพของสินค้าและการบริการที่หลากหลายและพรีเมี่ยม พร้อมด้วยบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านสุนัข และมีใจรักในการบริการ เพื่อให้คอมมูนิตี้แห่งนี้กลายเป็นจุดหมายใหม่ของคนรักสุนัขในวันหยุด บริษัทใช้เงินลงทุนเริ่มแรกทั้งหมดเป็นจำนวน 12 ล้านบาท โดยมาจากส่วนของเจ้าของ 4,500,000 ล้านบาท และในส่วนของหนี้อีก 6,500,000 บาทจะกู้ยืมเงินระยะยาวจากธนาคาร มูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) 5,988,000 บาท และระยะเวลาในการคืนทุนของโครงการ (Pay Back Period) อยู่ที่ 3 ปี สรุปได้ว่าธุรกิจให้บริการสุนัขแบบครบวงจรมีความน่าสนใจในการลงทุน เนื่องพื้นทีของโครงการที่ค่อนข้างเยอะ ทำให้สามารถหาแหล่งรายได้ได้หลายช่องทาง ทั้งจากการปล่อยเช่าที่รายเดือน การปล่อยเช่าที่จัดงานอีเว้นตามโอกาส บูธขายของบริเวณภายใน รวมไปถึงการให้บริการอาหารว่างและเครื่องดื่ม ซึ่งจากการเปิดให้บริการที่หลากหลายนี้ ทำให้ระยะเวลาในการคืนทุนของโครงการค่อนข้างเร็ว ทำให้อัตราผลตอบแทนอยู่ในระดับสูง และมีมูลค่าธุรกิจในปีอนันต์ (Terminal Value) อยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงเช่นกัน