Please use this identifier to cite or link to this item: https://archive.cm.mahidol.ac.th/handle/123456789/5179
Title: แผนธุรกิจ Duo-Sigma บริการแพลตฟอร์มออนไลน์หางานพิเศษให้นักเรียน-นักศึกษา
Authors: ชณัฐกาญจน์ ช่ออังชัญ
Keywords: ภาวะผู้ประกอบการและนวัตกรรม
แผนธุรกิจ
Duo-Sigma
แพลตฟอร์มออนไลน์
งานพิเศษ
Issue Date: 2566
Publisher: มหาวิทยาลัยมหิดล
Abstract: ปัจจุบันอินเตอร์เน็ตมีบทบาทสําคัญอย่างมากในการปฏิรูปการศึกษาท้ังเรื่องการเข้าถึง แหล่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว และการติดต่อสื่อสารกันได้อย่างทันท่วงที ในช่วงประมาณ 5 ปี จนถึง ปัจจุบัน (ที่ผ่านมานี้ต้ังแต่ 2561 เป็นต้นมา) แพลตฟอร์มตัวกลางด้านการศึกษาออนไลน์อย่าง Skilllane ได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากในการให้บริการเกี่ยวกับคอร์สเรียนออนไลน์ที่ให้ผู้เรียน สามารถเลือกเรียนตามความสนใจเฉพาะของแต่ละบุคคลได้ โดยจะเป็นการเรียนผ่านทางวิดีโอ ซึ่งเมื่อเรียนจบก็จะสามารถออกประกาศนียบัตรได้ ซึ่งเป็นกระแสและได้รับการตอบรับที่ดีในหมู่คน รุ่นใหม่ ประกอบกับในปัจจุบันเทคโนโลยีใหม่ๆได้ให้กำเนิดอุปกรณ์ อาทิเช่น คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน และแท๊ปเลต ทำให้มีโอกาสในการเข้าถึงแหล่งความรู้สามารถทำได้ง่าย และคนในสังคม ปัจจุบันเริ่มเปิดกว้างเรื่องความหลากหลายของรูปแบบการศึกษา และเริ่มเข้าใจว่าการศึกษาที่ดี และ มีคุณภาพไม่ได้มีเพียงแค่ในห้องเรียน หรือสถาบันการศึกษาที่เป็นสถานที่เท่าน้ัน อย่างไรก็ตามสังคมไทยในปัจจุบันยังมีข้อจำกัดมากมาย เกี่ยวกับเรื่องการคมนาคมที่ ขนส่งสาธารณะยังเข้าไม่ถึงแหล่งชุมชนส่วนใหญ่ และความเจริญกระจุกตัวอยู่เพียงแค่ในตัวเมือง ส่งผลเรื่องความปลอดภัยของการใช้ชีวิตประจำวันต่ออาชญกรรมที่อาจเกิดขึ้น และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือแหล่งสันทนาการสำหรับเยาวชนยังมีไม่หลากหลายเท่าที่ควรเหมือนกับบ้านเมืองในต่างประเทศ ซึ่งทำให้แหล่งที่เยาวชนมักจะไปทำกิจกรรม หาวงสังคมใหม่นอกห้องเรียน มักจะเป็นตาม ห้างสรรพสินค้าเป็นส่วนมาก หากเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว อาทิเช่น อเมริกา ญี่ปุ่นหรือ ยุโรป และด้วยความเหลื่อมล้ำทางด้านฐานะทางสังคมที่มีแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดของสังคมไทย ทำให้ เยาวชนแต่ละครัวเรือนมีต้นทุนทางชีวิตและโอกาสที่ไม่เท่าเทียมกัน ซึ่งส่งผลให้ประเทศไม่สามารถ พัฒนาได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากประชากรที่มีคุณภาพที่วัดจากระดับการศึกษาที่ได้รับมีจำนวนจำกัด ส่งผลให้การเกิดนวัตกรรมใหม่ๆที่เกิดจากคนในประเทศมีจำนวนน้อย หากเทียบกับประเทศที่จัดอยู่ ในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น ประกอบกับหลักสูตรการศึกษาที่ให้เยาวชน ได้มีโอกาศเข้าไปฝึกงานระยะสั้นประมาณ 3-6 เดือน ซ่ึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นระดับอุดมศึกษาที่ใกล้ จะช่วยวัยที่กำลังจะสำเร็จการศึกษาและออกไปเริ่มต้นใช้ชีวิตผู้ใหญ่ ซึ่งระยะเวลาดังกล่าวไม่ เพียงพอต่อการค้นหาตัวตน และทักษะความถนัดเฉพาะด้านของเยาวชน จากกปัญหาดังกล่าว ประกอบกับประสบการณ์การศึกษาที่ต่างประเทศของผู้วิจัย ทำให้ เกิดเป็นแนวคิดแผนธุรกิจดูโอ้-ซิกม่า (ภาษาอังกฤษ : Duo-Sigma) ซึ่งแพลตฟอร์มออนไลน์ในรูปแบบแอปพลิเคชั่นที่ให้บริการการเป็นตัวกลางและที่ปรึกษาเกี่ยวกับการหางานพิเศษสำหรับ นักเรียน- นักศึกษา โดยมุ่งเน้นจุดประสงค์ในการเสริมสร้างให้เยาวชนรู้จักคุณค่าของตนเอง (Self-Esteem) ผ่านประสบการณ์ชีวิตนอกสถานศึกษา โดยการค้นหาอาชีพที่ตรงกับตัวตนโดยทำงาน หรือฝึกงาน กับพาร์ทเนอร์ที่เป็นองค์กร บริษัท หรือหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้เยาวชนได้สัมผัส กับบุคคล และสภาพแวดล้อมในวงการนั้นจริงๆ ซึ่งการได้มีโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น กับผู้คนที่นอกเหนือจาก คนในครอบครัว เพื่อน ครู หรือคนใกล้ตัว จะส่งผลให้เยาวชนมีความคิด และมุมมองที่เปิ ดกว้างมากขึ้น ทำให้เกิดการตกผลึกความคิดเกี่ยวกับตัวตนของตนเองได้ง่ายยิ่งขึ้น หลักการของแผนธุรกิจดูโอ้-ซิกม่า (ภาษาอังกฤษ : Duo-Sigma) จะประกอบด้วยผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลักท้ังหมด 3 ฝ่าย ได้แก่ 1. ผู้ให้บริการ ประกอบไปด้วย ผู้ก่อต้ังโครงการ, นักพัฒนาระบบ, นักจิตวิทยา และนักการตลาด 2. ผู้ใช้งาน ประกอบได้ด้วย กลุ่มนักเรียน-นักศึกษา ทุกเพศ ทุกสถานศึกษา ที่มีอายุต้ังแต่ 15 ปี ขึ้นไปสามารถประกอบอาชีพได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายของราชอาณาจักรไทย และ กลุ่มบริษัท องค์กร หรือหน่วยงานที่ขอรับเยาวชนเข้าไปทำงาน หรือฝึกงาน 3.ลูกค้า คือ กลุ่มสถานศึกษาในประเทศไทย ผู้ใช้งานโดยตรง และกลุ่มนายจ้าง โดย แหล่งที่มาของรายได้จะมาจาก 1. การขายสินค้าและบริการให้แก่ลูกค้าท้ังทางตรงและทางอ้อม 2. มาจากการระดมทุนสนับสนุนจากพาร์ทเนอร์ที่เป็นบริษัท องค์กร หรือหน่วยงานต่างๆ ท้ังภาครัฐ และเอกชน และบุคคลทั่วไป เช่นพ่อแม่ผู้ปกครอง เป็นต้น ธุรกิจดูโอ้-ซิกม่า (ภาษาอังกฤษ : Duo-Sigma) คาดว่าจะใช้เงินลงทุนรวมท้ังโครงการ อยู่ที่จำนวน 10.79 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็นเงินลงทุนในสินทรัพย์ถาวรประมาณ 3 ล้านบาท และ เงินทุนหมุนเวียนสุทธิประมาณ 7.79 ล้านบาท ซึ่งเงินลงทุนท้ังหมดจะมาจากส่วนของเจ้าของร้อยละ 100 โดยไม่มีการกู้ยืม ประมาณการยอดขายรวมท้ังปี ตั้งแต่ปี ที่ 1-5 เป็นจำนวนเงิน 4.4, 12.6 24.4, 43.5 และ 51.9 ล้านบาท ตามลำดับซึ่งแหล่งที่มาของรายได้หลักมาจากการขายแพ๊กเกจ Plan A ราคา 20,000 บาท ใช้ได้ 100 บัญชี Plan B ราคา 57,000 บาท ใช้ได้ 300 บัญชี และ Plan C ราคา 90,000 บาท ใช้ได้ 500 บัญชี ประมาณการณ์ให้ช่วงระหว่างปี ที่ 1-2 มีการเติบโตของจำนวนผู้ใช้งานประเภทองค์กรแบบก้าว กระโดดประมาณร้อยละ 60 ซึ่งครอบคลุมลูกค้าเป้าหมายนำร่องที่มีศักยภาพกลุ่มแรกที่เป็นโรงเรียน ในเขตกทม.ประมาณร้อยละ 80 จากท้ังหมด จำนวน 283 แห่ง และปี 2-3, 3-4 เติบโตแบบคงที่ ประมาณ ร้อยละ 40-45 ซึ่งครอบคลุมรวมลูกค้านำร่องและลูกค้าเป้าหมายรองที่เป็นกลุ่มสถาบัน ระดับอุดมศึกษาขึ้นไปในเขตกทม.ประมาณร้อยละ 19 จากจำนวนท้ังหมด 501 แห่ง และปี ที่ 4-5 ต้ังเป้าหมายให้สามารถเข้าถึงกลุ่มนำร่องท้ังหมดและกลุ่มลูกค้าใหม่นอกเหนือจากเขตกทม.รวม 850 แห่งได้ครอบคลุมท้ังหมดคิดเป็นเติบโตจากเดิมประมาณร้อยละ 17 หลังจากปีที่ 5 เป็นต้นไป ที่ วางแผนให้ธุรกิจเริ่มเข้าสู่ตลาดใหม่นอกประเทศ คาดการณ์ว่าธุรกิจปรับเป็นเติบโตคงที่ตามค่าเฉลี่ย มูลค่าตลาดธุรกิจจัดหาบุคลากรเฉพาะด้าน (Outsource) ทั่วโลกประมาณร้อยละ 7 และมีรายได้อื่นๆ ที่มาจากการขายแพ๊กเกจรายบุคคลราคาบัญชีละ 299 บาท และสินค้าที่ระลึก อาทิเช่น เสื้อยืด Duo-Sigma เป็นต้น ซึ่งประมาณการณ์ต้นทุนอยู่ที่ประมาณร้อยละ 60 ของราคาขาย และมีค่าใช้จ่ายในการ ขายและบริหารเป็นเงินประมาณ 0.47 ล้านบาทเริ่มมีกำไรหลังหักภาษี ณ ปี ที่ 3-5 เป็นเงิน 2.3, 8.1 และ 10.6 ล้านบาท ตามลำดับ มีมูลค่าโครงการปัจจุบันสุทธิ (NPV) ด้วยอัตราคิดลด 15% เท่ากับ 4.22 ล้านบาท อัตราผลตอบแทนการลงทุน (IRR) เท่ากับ ร้อยละ 28 PI เท่ากับ 2.41 และคาดว่า สามารถคืนทุนได้ภายในระยะเวลา 5 ปี
Description: 61 แผ่น
URI: https://archive.cm.mahidol.ac.th/handle/123456789/5179
Appears in Collections:Thematic Paper

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
TP EM.023 2566.pdf2.64 MBAdobe PDFThumbnail
View/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.